วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558

โครงการสายใยวัฒนธรรมท่ามะนาว

สถานที่ตั้งโครงการ ณ องค์การบริหารส่วนตำบลท่ามะนาว อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี เลขที่ 47 หมู่ที่ 2 ตำบลท่ามะนาว อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี จัดตั้งเมื่อ 26 พฤษภาคม 2552 โดยมี นายวสันต์ ดรชัย เป็นประธานโครงการ เป็นศูนย์ระดับ 3 มีคณะกรรมการบริหารโครงการ 51 คนได้ดำเนินงานในกิจกรรม 6 องค์ประกอบ ได้แก่
1) ด้านคลังสมองภูมิปัญญาท้องถิ่น ได้รวบรวมและสืบค้นภูมิปัญญาท้องถิ่นในพื้นที่ของตำบลท่ามะนาว มารวบรวมเป็นเอกสารเผยแพร่ และให้บุตรหลานได้ศึกษา ถ่ายทอดภุมิปัญญาท้องถิ่นแก่เยาวชน และผู้สนใจ จัดกิจกรรมด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีดั่งเดิมแต่โบราณ
2) ด้านอาชีพศิลปะและวัฒนธรรม จัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้ ด้านการผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ส่งเสริมกลุ่มอาชีพใหม่ในชุมชน อนุรักษ์วิถีชีวิตแบบดั่งเดิม จัดกิจกรรมถ่ายทอดความรู้ด้านหัตถกรรม การสานตะกร้าจากปอป่าน
3) ด้านส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรม จัดอบรมปฏิบัติธรรมแก่ผู้นำเยาวชน และประชาชน ในพื้นที่ของตำบลท่ามะนาว จัดกิจกรรมครอบครัวสัมพันธ์ในกลุ่มเด็กวัยเรียน จัดกิจกรรมพาผู้สูงอายุไปทำบุญ 9 วัด ทอดผ้าป่า และทำบุญตักบาตร
4) ด้านลานวัฒนธรรม จัดกิจกรรมด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณี ได้แก่ รำกลองยาว การจัดงานประเพณีลอยกระทงวัดท่ามะนาว การไหลเรือไฟ จัดการแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน ได้แก่ การแข่งขันปิดตาตีหม้อ การวิ่งกระสอบ การแข่งขัชักคะเย่อ
5) ด้านศูนย์สารสนเทศและห้องสมุดชุมชน ตำบลท่ามะนาวได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้สำหรับเด็กและครอบครัว เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมสื่อการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาทักษะ และพัฒนาการของเด็กและครอบครัว โดยให้มีการทำกิจกรรมร่วมกัน และใช้สื่อในการเสริมสร้างเพื่อเสริมความรัก ความอบอุ่นในครอบครัว

6) ด้านพิพิธภัณฑ์ชุมชน ตำบลท่ามะนาว กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ พื้นบ้าน แต่มีการรวบรวมสิ่งของที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของท้องถิ่นไว้ เพื่อรอการนำไปจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านต่อไป
ชุมชนไทยเบิ้ง บริเวณลุ่มแม่น้ำป่าสัก

ไทยเบิ้ง ไทยเดิ้งหรือไทยโคราช เป็นกลุ่มชนอีกท้องถิ่นหนึ่ง ที่ตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำป่าสัก และยังตั้งถิ่นฐานกระจัดกระจายอยู่ในจังหวัดอื่นๆ (สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี. 2558) ได้แก่

ที่อยู่อาศัยชาวไทยเบิ้ง ชาวไทยเบิ้ง
จังหวัดลพบุรี : อำเภอพัฒนานิคม, อำเภอชัยบาดาล, อำเภอโคกสำโรง และอำเภอสระโบสถ์
จังหวัดสระบุรี : อำเภอวังม่วง
จังหวัดเพชรบูรณ์ : อำเภอศรีเทพ และอำเภอวิเชียรบุรี
จังหวัดบุรีรัมย์ : อำเภอนางรอง, อำเภอหานทราย, อำเภอหนองกี่, อำเภอเมือง และอำเภอลำปลาย มาศจังหวัดชัยภูมิ : อำเภอจัตุรัส และอำเภอบำเหน็จณรงค์
จังหวัดนครราชศรีมา : ทุกอำเภอ ยกเว้น อำเภอที่ชาวไทยลาวมากกว่าเช่น อำเภอหนองบัวใหญ่ อำเภอสูงเนิน
กลุ่มวัฒธรรมไทยเบิ้ง
ไทยเดิ้งหรือไทยโคราช กลุ่มนี้มีชื่อเรียกหลายชื่อ แต่เป็นกลุ่มเดียวกันจึงมีคำจำกัดความไว้สำหรับคนไทยกลุ่มนี้ว่า "เป็นกลุ่มที่ใช้ภาษาไทยภาคกลางเพี้ยน เหน่อ น้ำเสียงห้วนสั่น ภาษาที่นิยมพูดจะลงท้ายประโยคด้วยคำว่า 'เบิ้ง'
(มีภาษาไทยลาวปะปนอยู่บ้าง)" คำพื้นฐานทั่วไปของชาวไทยเบิ้ง ตรงกับภาษาไทยภาคกลาง ชาวไทยเบิ้งมีขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒธรรมคล้ายกลุ่มชนไทยภาคกลาง แต่ยังมีลักษณะบางอย่าง ที่แสดงความเป็นเอกลักษณ์ของกลุ่มชน เช่น ภาษา ความเชื่อ เพลงพื้นบ้าน เครื่องมือเครื่องใช้ ในการประกอบอาชีพ การทอผ้ารวมทั้งการละเล่นต่างๆ
ประวัติการตั้งถิ่นฐานแถบลุ่มแม่น้ำป่าสัก
การขุดค้นพบทางโบราณคดีในพื้นที่กลุ่มชัยบาดาล กลุ่มมะนาวหวาน และกลุ่มหนองบัว โดยกรมศิลปกร ตั้งแต่ พ.ศ. 2539 - 2540 รวม 18 แห่ง สรุปได้ดังนี้
การตั้งถิ่นฐานเก่าสุดตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย ในพื้นที่แถบลุ่มแม่น้ำลพบุรีมีอายุราว 3,000 - 3,500 ปีก่อน และยังมีการตั้งถิ่นฐานต่อเนื่อง ในยุคสมัยต่อๆ มาอีก เช่น สมัยทวารดี ยุคสมัยรับอิทธิพลเขมร ยุคสมัยอยุธยา ได้ค้นพบ ภาชนะดินเผา, ภาชนะสำริด, ขวานหินขัด, ขี้แร่ และเครื่องประดับร่างกาย (กำไลหิน) ฯลฯ
ลูกปัดดินเผา
เครื่องมือเหล็ก
ขวานหินขัด
กำไลสัมฤทธิ์
กำไลสัมฤทธิ์
โถเคลือบสีน้ำตาล
กำไลหยก
กระพวนสัมฤทธิ์

โถ, หม้อ
โครงกระดูก

แหล่งโบราณคดียุคสมัยนี้ได้แก่ แหล่งโบราณคดีบ้านชัยบาดาล (ตำบลชัยบาดาล อำเภอชัยบาดาล) แหล่งโบราณคดีบ้านท่าฤทธิ์ แหล่งโบราณคดีหนองม้ามันและแถบใกล้เคียง (ตำบลมะนาวหวาน อำเภอพัฒนานิคม) แหล่งโบราณคดีบ้านหนองบัว (ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม) การค้นพบโบราณวัตถุและศิลปกรรมต่างๆ ซึ่งเป็นหลักฐานที่เชื่อมโยงเรื่อง การตั้งถิ่นฐานของชุมชนชาวไทยเบิ้งในเขตลุ่มแม่น้ำป่าสักและบริเวณใก้ลเคียง ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้

ประเพณีและความเชื่อของชาวไทยเบิ้ง
ประเพณี หมายถึง สิ่งที่เป็นความคิด ความเชื่อ ค่านิยม ทัศคติ การประพฤติปฏิบัติตลอดจนประกอบพิธีกรรมในโอกาสต่างๆ ที่ปฏิบัติกันอยู่ในสังคมและได้รับการยอมรับจาคนส่วนใหญ่ในสังคมว่าถูกต้อง และยอมรับยึดถือปฏิบัติเป็นแบบแผนสืบต่อๆ กันมา (ภูธร ภูมะธน. 2542)
ประเพณีที่ประพฤติปฏิบัติกันอยู่ในสังคมจำแนกได้ 2 ลักษณะ คือ
1. ประเพณีเกี่ยวกับชีวิตส่วนบุคคลในครอบครัว
2. ประเพณีส่วนรวมที่กระทำเป็นกลุ่มตามเทศกาล เช่นทำบุญ การรื่นเริง สนุกสนาน ตามเทศกาลต่างๆ
ประเพณีชาวไทยเบิ้งก็ไม่ต่างจากชาวไทยกลุ่มอื่นมากนัก และในเรื่องความเชื่อบางอย่าง ก็มีเหตุผล และบางอย่างก็ไม่มีเหตุผล ความเชื่อดังกล่าวจึงทำให้เกิดผล 2 ประการ คือ ทำให้เกิดข้อห้ามไม่ควรปฏิบัติ และข้อควรปฏิบัติ ซึ่งเชื่อว่าเมื่อปฏิบัติแล้วจะเกิดศิริมงคล เกิดผลดี มีความมั่นคงทางจิตใจและเกิดความสามัคคีในหมู่คณะ
ความเชื่อของชาวไทยเบิ้งที่ยึดถือปฏิบัติกันมา คือ
1. ความเชื่อเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ
2. ความเชื่อเกี่ยวกับยากลางบ้าน
3. ความเชื่อเกี่ยวกับโชคลาง
4. ความเชื่อเกี่ยวกับนิมิตและความฝัน
5. ความเชื่อเกี่ยวกับไสยาศาสตร์ ของคลัง คาถาอาคม ผ้ายันต์ ตะกรุด ลูกประคำ 
6. ความเชื่อเรื่องลักษณะของคนและสัตว์
7. ความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือศาสนา
8. ความเชื่อเรื่องเคล็ด
9. ความเชื่อเรื่องภูตผีปีศาจ ผีกระสือ
10. ความเชื่อเรื่องนรกสวรรค์
11. ความเชื่อด้านโหราศาสตร์ หมอดู
12. ความเชื่อเกี่ยวกับการทำมาหากิน
ความคิด ความเชื่อที่ยึดถือปฏิบัติกันมาจนตลอดเป็นประเพณี จึงเป็นรากฐานส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดวิถีชีวิตของคนในสังคม และปรากฏ ในทุกขั้นตอนของการดำรงชีวิต ซึ่งโบราณได้กำหนดขั้นตอนที่สำคัญของชีวิต มี 4 ครั้ง คือ ตอนเกิด บวช แต่งงาน และตอนตาย เมื่ออายุแต่ละคน ผ่านถึงวัยหรือมาถึงขั้นตอนของชีวิตดังกล่าวจึงนิยมจัดทำพิธีต่างๆ เพื่อให้เกิดสวัสดิมงคลแก่ตนเองและผู้ที่เกี่ยวข้อง


สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของอำเภอชัยบาดาล ได้แก่
1. น้ำตกวังก้านเหลือง, เป็นน้ำตกที่มีตลอดปี ห่างจาก อ.ชัยบาดาล 15 กม.
น้ำตกวังก้านเหลือง ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 4 ตำบลท่าดินดำ อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี น้ำตกแห่งนี้เป็นน้ำตกที่มีขนาดไม่ใหญ่โตนัก แต่มีความาสวยงามไม่แพ้น้ำตกแห่งอื่นๆ และเป็น น้ำตกที่มีความประหลาดมาก เพราะแทนที่ต้นน้ำจะอยู่บนภูเขาสูงกลับปรากฎว่า ต้นน้ำแห่งนี้เป็นตาน้ำขนาดใหญ่ ผุดขึ้นมาจากใต้ดิน ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกห่างจากบริเวณน้ำตกประมาณ 1.5 กิโลเมตร ธารน้ำตกจะไหลเลาะไปตามที่ลาด ปะทะกับหินผาเป็นชั้น ๆ นับได้ไม่ต่ำกว่า 10 ชั้น แล้วไหลลงไปบรรจบกับแม่น้ำป่าสัก รอบ ๆ บริเวณร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยที่ขึ้นปกคลุม มีหินงอกหินย้อยเกิดขึ้นหลายแห่ง และหิน ที่น้ำตกแห่งนี้มีลักษณะพิเศษ คือ ไม่ลื่น สามารถเดินผ่านได้สะดวก และเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของน้ำตกแห่งนี้ ก็คือ มีน้ำไหลแรงตลอดทั้งปี น้ำตกแห่งนี้ได้ชื่อ ก้านเหลือง ตามชื่อต้นไม้ที่ในอดีตมีอยู่มากมายในบริเวณนี้ คือ ต้นก้านเหลือง หรือต้นกะเหลือง หรือกระทุ่มคลอง เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่จัดอยู่ใน Family Ruviaceae เช่นเดียวกับต้นกระทุ่มชนิดอื่นๆ มีชื่อทางพฤษศาสตร์ว่า Naucleau orientalis L. เป็นต้นไม้ที่ เจริญเติบโตได้ดี ในพื้นที่ใกล้แหล่งน้ำจะเป็นต้นไม้ผลัดใบ ใบของต้นก้านเหลืองมีลักษณะยาวรี ปลายใบมน ใบกว้างประมาณ 3-4 นิ้ว ยาวประมาณ 8-10 นิ้ว เกิดเป็นคู่ตรงข้ามกัน ที่โคนก้านใบแต่ละใบจะมีหูใบเป็นแผ่นเล็กๆติดอยู่ 1 คู่ ใบเหนียวทนทาน ในอดีตเคยมีการนำไปใช้ ในการมุงหลังคาบ้าน เนื้อไม้ละเอียดสีเหลืองสด มีผลกินได้
2. วัดเขาสมโภชน์ ต.บัวชุม มีโบสถ์ที่สวยงามและมีพระเกจิอาจารย์หลวงคง ซึ่งเป็นที่เคารพของพุทธศาสนิกชน อยู่ห่างจาก อ.ชัยบาดาล 25 กม.
3. วัดเขาถ้ำปรางค์ ต.นิคมลำนารายณ์ มีเจดีย์ที่สร้างอยู่เชิงเขาและมีถ้ำที่สวยงามอยู่ใกล้กับเจดีย์ อยู่ห่างจาก อ.ชัยบาดาล ประมาณ 10 กม.

เทศกาลที่สำคัญของอำเภอชัยบาดาล
เทศกาลงานแห่ปุนเท่าก๊งและเท่าม้าประจำปี โดยมีกิจกรรมแห่เจ้าและเชิดสิงโตที่สวยงามโดยกำหนดจัดหลังเทศกาลตรุษจีน ประมาณ 6 วัน
สถานที่ ตลาดลำนารายณ์ หมู่ 5 ตำบลลำนารายณ์ อำเภอชัยบาดาล จัหวัดลพบุรี วันที่/เวลา ปลายมกราคม ถึงต้นกุมภาพันธ์ ทุกปี
เทศกาลงานเทศกาลลอยกระทง วัดท่ามะนาว ริมแม่น้ำป่าสัก เป็นงานประจำปีที่ยิ่งใหญ่และอยู่ริมแม่นำป่าสัก
สถานที่ วัดท่ามะนาว ตำบลท่ามะนาว อำเภอชัยบาดาล จัหวัดลพบุรี ห่างจากที่ว่าการอำเภอชัยบาดาลไปประมาณ 2 กม.

วันที่/เวลา เทศกาลลอยกระทง จัดประมาณ เดือน พฤศจิกายน ทุกปี
วัฒนธรรมและประเพณีที่สำคัญของอำเภอชัยบาดาล
ประเพณีสงกรานต์
วันที่ 13 เมษายน เป็นวันสงกรานต์และวันขึ้นปีใหม่ของไทย ชาวไทยจะทำบุญตักบาตร สรงน้ำพระรดน้ำอวยพรผู้ใหญ่เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องจากเดือนเมษายนเป็นช่วงฤดูร้อน น้ำในคลอง ห้วย หนอง แห้งแล้งทำให้ปลาที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวเดือดร้อน ดังนั้นวันสงกรานต์จึงนิยมปล่อยปลาลงในแม่น้ำลำคลอง
ประเพณีสงกรานต์ของอำเภอชัยบาดาลมีจัดกันทั่วไปตามหมู่บ้านต่าง ๆ ลักษณะของงานนอกจากจะเป็นงานบุญแล้ว ยังเป็นงานที่คนหนุ่มคนสาวได้สนุกสนานเพระมีการฟื้นฟู นำการละเล่นพื้นบ้านมาเล่น เช่น ชักเย่อ ลูกช่วง ฯลฯ การจัดงานที่หน้าที่ว่าการอำเภอชัยบาดาล เทศบาลตำบลลำนารายณ์ร่วมกับอำเภอและสภาวัฒนธรรมอำเภอ จัดงานสงกรานต์ขึ้นเป็นประจำทุกปี


งานเริ่มตั้งแต่ตอนเช้าทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง

ภาคบ่ายขบวนแห่นางสงกรานต์ของหน่วยงานและตำบลต่าง ๆ ประกวดนางสงกรานต์แต่งกายงามแบบไทย สรงน้ำพระ รดน้ำดำหัวขอพรผู้อาวุโส และการแสดงดนตรี


การหล่อเทียนพรรษาและแห่เทียนพรรษา
งานประเพณีแห่เทียนพรรษา เป็นงานประเพณีที่รวมความผูกพันของชุมชนท้องถิ่น โดยเริ่มตั้งแต่การที่ชาวบ้านร่วมบริจาคเทียน เอามาหลอมหล่อเป็นเทียนเล่มใหญ่เล่มเดียวกัน แสดงถึงความสามัคคีกลมเกลียวในหมู่คณะ ซึ่งจัดโดยสภาวัฒนธรรมร่วมกับอำเภอชัยบาดาลบริเวณสี่แยกสัญญาณไฟจราจรและร่วมกันแห่เทียนพรรษากับทุกตำบล




ประเพณีลอยกระทงตำบลท่ามะนาว
วันลอยกระทง ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ตรงกับเดือนพฤศจิกายน หรือปลายเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่น้ำเต็มตลิ่ง พระจันทร์เต็มดวงสุกสว่าง คนไทยสมัยก่อนจึงหาวิธีทำให้เกิดความเพลิดเพลินในยามค่ำคืน จะมีการประดิษฐ์กระทง ซึ่งทำมาจากวัสดุธรรมชาติที่ย่อยสลายได้ง่าย เช่น ใบตอง ก้านกล้วย ดอกบัวหรือกุหลาบเป็นต้น แล้วปักธูปเทียน จุดไฟอธิษฐานขอบคุณพระแม่คงคาที่ให้น้ำกิน น้ำใช้ และเป็นการขอโทษพระแม่คงคา ที่ทำให้สกปรก และขอพรจากพระแม่คงคาให้มีความสุข ความเจริญ การจัดประเพณีลอยกระทงที่วัดท่ามะนาว จะมีประชาชนให้ความสนใจและเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันมีการไหลเรือไฟ ซึ่งร่วมจัดทำร่วมกันระหว่างวัดท่ามะนาวและ อบต.ท่ามะนาว




ประเพณีก่อเจดีย์ข้าวเปลือกของชาวบ้านบัวชุม
ตามความเชื่อของคนโบราณในแถบนี้ ที่เชื่อกันว่าทุกสิ่งมี "ขวัญ" หรือมีเทพเจ้าที่เรียกว่าพระแม่โพสพสถิตย์อยู่ เมื่อชาวบ้านทำนาเพาะปลูกข้าวและเก็บเกี่ยวได้แล้ว ก่อนนำข้าวมาบริโภคหรือจำหน่าย จะมีการทำพิธี "สู่ขวัญข้าว" ทำนองเป็นการบูชาพระแม่โพสพที่สถิตย์อยู่ในข้าว เป็นการแสดงความเคารพต่อธรรมชาติ ซึ่งต่อมาเมื่อรับวัฒนธรรมแบบชาวพุทธเถรวาทซึ่งปฏิเสธการบูชาเซ่นทรวงเข้ามา จึงได้ "ปรับ" ประเพณีนี้ให้เข้ากับวัฒนธรรมความเชื่อดั้งเดิมของตน คือ การนำข้าวแรกเกี่ยวไปถวายพระหรือก่อพระเจดีย์เพื่อเป็นการทำบุญเป็นพุทธบูชาแทน และเป็นการปฏิบัติตามคำสอนในพระพุทธศาสนาก็ได้ถือคติปฏิบัติเช่นนี้สืบมาจนถึงปัจจุบันโดยจะนำข้าวใหม่มาหุงบริโภคครั้งแรก แต่จะหุงไว้เป็นจำนวนมากกว่าปกติ เพื่อให้เหลือหลังจากบริโภคแล้ว ทั้งนี้ถือเป็นเคล็ดว่าจะได้เหลือกินเหลือใช้ ไม่อดอยากยากจนอีกต่อไป ในปีต่อไปของการทำไร่ทำนาก็จะได้อุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ข้าวใหม่ที่หุงนี้จะนำไปให้ผู้มีอาวุโส เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา ตลอดจนเผื่อแผ่ถึงลูกหลาน หลังจากนี้ก็หุงบริโภคตามปกติ และส่วนหนึ่งนั้น ชาวบ้านก็จะมีการนำข้าวเปลือกมารวมกันที่วัดก่อเป็นเจดีย์ข้าวเปลือก เพื่อทำบุญตามคติในพระพุทธศาสนาเป็นพุทธบูชา จากพิธีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นอุดมคติของ ชาวบ้านที่ให้ความสำคัญต่อข้าว ในฐานะแหล่งอาหารสำคัญ เตือนสติผู้บริโภคให้สำนึกตระหนักถึงการบริโภคอย่างมีความหมาย และให้เห็นคุณค่า



ประเพณีแห่เจ้าพ่อเจ้าแม่ (ปุนเท่าก๊ง ปุนเท่าม้า)
ของคนไทยเชื้อสายจีนในเขตเทศบาลตำบลลำนารายณ์ เป็นงานประจำปีที่จะจัดขึ้นหลังจากวันตรุษจีนผ่านไปแล้ว 5 วันและจะมีขบวนแห่เจ้าพ่อเจ้าแม่ในวันที่ 6 หลังจากวันตรุษจีน ซึ่งจะตรงกับประมาณปลายเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี





เทศกาลกินปลา ชิมพุทรา ตำบลชัยบาดาล

จัดโดยองค์การบริหารส่วนตำบลชัยบาดาล เพื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว พุทรา 3 รส ปลาน้ำจืดจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์



ประเพณีรำโทน

รำโทน เป็นการละเล่นพื้นบ้านชนิดหนึ่งของชาวบ้านเมืองลพบุรี นิยมเล่นกันแพร่หลายในระหว่าง พ.ศ. 2484 - 2488 หรือในช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังสงครามเลิกความนิยมเล่นรำโทนลดลงตามลำดับ ส่วนหนึ่งพัฒนาไปเป็นการละเล่น " รำวง "และ " รำวงมาตรฐาน " ในที่สุด เหตุที่เรียกชื่อว่ารำโทน เพราะเดิมเป็นการรำประกอบจังหวะการตีโทน ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีหลัก ในการเล่น ภายหลังแม้ใช้เครื่องดนตรี อื่น เช่น รำมะนา ตีให้จังหวะแทนก็ยังเรียกชื่อเช่นเดิม
อุปกรณ์และวิธีเล่น
เครื่องดนตรี เดิมใช้ "โทน" ตีในจังหวะ " ป๊ะ โท่น ป๊ะ โท่น ป๊ะ โท่น โท่น  หรือ " ป๊ะ โท่น โท่น ป๊ะ โท่น โท่น " ใช้โทนใบเดียวหรือหลายใบก็ได้ ต่อมานิยมใช้ " รำมะนา " แทนเพราะเสียงดังไพเราะและเร้าใจดีกว่า อาจใช้อุปกรณ์อื่น ๆ เช่น ถังน้ำมันตีให้จังหวะแทนก็ได้ นอกจากนี้อาจจะใช้ฉิ่งตีให้จังหวะได้อีกด้วย
เพลงที่ใช้ร้องมักเป็นเพลงที่มีเนื้อร้องง่าย ๆ เป็นเพลงสั้น ๆ ไม่มีชื่อเพลงเฉพาะมักเรียกชื่อตาม วรรคแรกของเนื้อร้อง ไม่บอกชื่อผู้แต่งใครอยากแต่งขึ้นมาใหม่ก็ได้ จำกันร้องตามกันต่อ ๆ มา เนื้อร้อง มักเป็นการเกี้ยวพาราสี ปลุกใจหรือสะท้อนชีวิตความเป็นอยู่หรือมาจากวรรณคดีไทย เช่น เพลงลพบุรีของเรานี่เอ๋ย เจ็ดนาฬิกา ใครรักใครโค้งใคร เชื่อผู้นำของชาติ ศิลปากร ฯลฯ
วิธีเล่น ผู้เล่นชายจะโค้งชวนหญิงออกมารำเป็นคู่ ๆ ช่วยกันร้องไปรำตามกันไปเป็นวง นักดนตรีก็ ตีโทนให้จังหวะเร้าใจ เพลงหนึ่ง ๆ จะร้องซ้ำ 3 - 4 เที่ยวก็จะเปลี่ยนเพลงต่อไป การรำไม่มีท่ารำแน่นอน ตายตัวมักเป็นการใส่ท่าตามเนื้อร้อง ใครต้องการรำคู่กับใครก็เปลี่ยนคู่รำกันตามใจ เด็ก ๆ หรือผู้มาดูก็ยืนล้อมวงรอบวงรำ อาจช่วยตบมือและร้องตามไปด้วยอย่างสนุกสนาน ผู้เล่นรำโทนแต่งกายสวยงาม ตามสบายตามสมัย ไม่มีระเบียบแบบแผนอะไรแน่นอนตายตัว
โอกาสหรือเวลาที่เล่น โอกาสที่เล่นรำโทน ไม่มีโอกาสที่แน่นอนชาวบ้านนึกอยากจะเล่นเมื่อใดก็ชวนกันมาเล่นที่ลานบ้านคนใดคนหนึ่ง จะเล่นตอนกลางคืนเท่านั้นมักเริ่มเล่นตอนหัวค่ำ เล่นกันไปเรื่อย ๆ จนไม่มีคนเล่นหรือง่วงนอนกันมากแล้วก็จะเลิกเล่น แยกย้ายกันกลับบ้านของตน

ในสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีมีการเล่นรำโทนอย่างแพร่หลายในจังหวัด ลพบุรี เล่นกันในกลุ่มชาวบ้านและข้าราชการ ถึงกับให้ข้าราชการ - ทหาร ฝึกรำโทน รำวงกันทุกวันพุธตอนเย็น ปัจจุบันยังมีการเล่นรำโทนกันบ้างในบางท้องถิ่น เช่น ที่ตำบลบางผึ้ง อำเภอบ้านหมี่ ตำบลท่าวุ้ง ตำบลบางคู้ อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี เป็นต้น แต่ก็เป็นเพียงการละเล่นในกลุ่มย่อย ๆ ผู้เล่นมักเป็นคนสูงอายุที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ที่เคยเล่นเคยเห็นการรำโทนในสมัยสงครามมาก่อนทั้งสิ้น โดยหนุ่มสาวสมัยก่อนเล่นรำโทนเพื่อความสนุกสนานรื่นเริง เพื่อพักผ่อนหย่อนใจยามเหงาหรือยามสงครามที่ ค่ำลงก็ไม่มีอะไรจะทำกัน เป็นการเพิ่มชีวิตชีวาให้กับชีวิตที่ต้องอดออมและเสี่ยงภัยในยามสงคราม กล่าวได้ว่า รำโทนเป็นมหรสพยามค่ำคืนของชาวบ้านในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ภาษาและวัฒนธรรมของอำเภอชัยบาดาล

ภาษาถิ่น ประชาชนในอำเภอชัยบาดาลส่วนใหญ่จะย้ายจากจังหวัดอื่น ๆ เข้าประกอบอาชีพในอำเภอชัยบาดาล เช่น มาจากกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้รับผลกระทบจากการยกเลิกรถสามล้อถีบ และทางรัฐบาลจัดสรรที่ทำกินให้ในเขตนิคมสหกรณ์ ตำบลท่าดินดำ มาจาก[จังหวัดนครสวรรค์ตั้งถิ่นฐานอยู่ตำบลซับตะเคียน มาจากจังหวัดนครนายกตั้งถิ่นฐานอยู่ตำบลลำนารายณ์ มาจากจังหวัดนครราชสีมาตั้งถิ่นฐานอยู่ตำบลบัวชุม ตำบลหนองยายโต๊ะ และตำบลท่าดินดำ ทั้งสามตำบลจะมีประชากรร่วมกันเกินกึ่งหนึ่งของอำเภอชัยบาดาล จึงทำให้อำเภอชัยบาดาลมีภาษาท้องถิ่นเป็นภาษาไทยโคราช (ไทยเบิ้ง) และภาษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ภาษาไทยเบิ้งจะมีลักษณะคล้ายภาษาไทยกลาง มีหน่วยเสียงพยัญชนะ 21 เสียง หน่วยเสียงสระ 21 หน่วยเสียง และหน่วยเสียงวรรณยุกต์ 5 หน่วยเสียง สันนิษฐานว่าภาษาไทยเบิ้งคือภาษาไทยโคราช คไว่า เบิ้ง เป็นคำที่ชาวอีสานกลุ่มอื่น เช่น ลาว เขมร ใช้เรียกชาวไทยโคราช เมื่อชาวไทยโคราชอพยพมาอยู่ถิ่นอื่นยังคงใช้ภาษาไทยโคราชและเรียกกลุ่มของตนว่าไทยเบิ้ง ภาษาที่ใช้จึงเรียกว่าภาษาไทยเบิ้ง ที่สำคัญคือมีเสียงลงท้ายประโยคโดยเฉพาะได้แก่ ด๊อก (ดอก) แหล่ว (แล้ว) เบิ้ง (บ้าง) เหว่ย (หว่า)


การละเล่น
รำโทน ที่ ตำบลบัวชุมและตำบลหนองยายโต๊ะ รำโทนเป็นการแสดงพื้นบ้านที่นิยมเล่นกันทั่วประเทศไทย ในสมัยที่จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี รำโทนได้รับการเชิดชูให้เป็นศิลปะประจำชาติอย่างหนึ่งในสมัยนั้น ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่ารำโทนเกิดขึ้นเมื่อใด ใครเป็นผู้ริเริ่ม แต่ผู้ที่นิยมเล่นรำโทนคือหนุ่มสาวชาวบ้าน กล่าวกันว่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้คนคอยแต่จะอพยพหนีภัยกัน ในยามค่ำคืนจะมืดไปทั่วทุกหนแห่งเนื่องจากรัฐบาลห้ามจุดไฟ ห้ามชุมนุม ประชาชนเกิดความเหงาจึงได้คิดเล่นรำโทนขึ้น วิธีเล่นคือจุดตะเกียงไว้ตรงกลางลาน ผู้แสดงยืนล้อมวงร้องเพลงเกี้ยวพาราสีกันด้วยจังหวะท่วงทำนองที่สั้นๆ ง่าย ๆ ร้องซ้ำ ๆ กันหลายเที่ยว
ประเพณี
ประเพณีการเลี้ยงเจ้าบ้าน เป็นประเพณีที่ชาวบ้านในอำเภอชัยบาดาลได้กระทำติดต่อกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ เชื่อกันว่าเมื่อได้กระทำพิธีนี้แล้วจะทำให้ครอบครัวได้รับความร่มเย็นเป็นสุข ประเพณีนี้จัดทำในวันขึ้น 6 ค่ำ เดือน 6 ชาวบ้านจะไปพร้อมกันที่ศาลเจ้าประจำหมู่บ้านในเวลา 08.00-09.00 น. ใครไปก่อนก็เลี้ยงก่อน ไม่ต้องรอกัน โดยจะต้องเตรียมสิ่งของต่าง ๆ ได้แก่ ข้าวดำ ข้าวแดง (ใช้ข้าวสุกย้อมสีดำ สีแดง) รูปสัตว์ รูปคน (ใช้ดินหรือแป้งปั้นให้เท่ากับจำนวนคนในบ้าน และรูปสัตว์ใช้เฉพาะสัตว์สี่เท้า) ข้าวสาร พริกเม็ด เกลือก้อน เงิน 12 ทอง 15 (ใช้เป็นแป้งปั้นเป็นรูปสตางค์) ธูป เทียน เหล้า บุหรี่ ด้ายสายสิญจน์สำหรับผูกข้อมือ ถาด กระด้ง หรือเข่งปลาทู
เมื่อถึงวันขึ้น 6 ค่ำ เดือน 6 ทุกคนจะนำสิ่งของต่าง ๆ ดังกล่าวใส่ถาด กระด้ง เข่งปลาทู หรือภาชนะอื่น ๆ ก็ได้ ไปที่ศาลเจ้า จุดธูปเทียนบอกเล่าให้มารับสิ่งของที่ตนเตรียมไป จุดบุหรี่ แล้วเทเหล้าใส่ในโอ่งที่มีอยู่ในศาล เสร็จแล้วก็ขอศีลขอพร เวลากลับให้ขอด้ายสายสิญจน์จากท่าน (สายสิญจน์เตรียมไปนั่นเอง) เพื่อนำไปผูกข้อมือลูกหลาน ก่อนกลับใช้มีดขีดเส้นข้างหน้าระหว่างตัวเองกับศาล เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า ให้ต่างคนต่างอยู่ไม่ให้รบกวนกัน ส่วนใหญ่ผู้ที่ไปทำพิธีเลี้ยงเจ้าบ้านมักเป็นแม่บ้านหรือผู้หญิงที่มีอายุ
ประเพณีสงกรานต์ วันที่ 13 เมษายน เป็นวันสงกรานต์และวันขึ้นปีใหม่ของไทย ชาวไทยจะทำบุญตักบาตร สรงน้ำพระ รดน้ำอวยพรผู้ใหญ่เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องจากเดือนเมษายนเป็นช่วงฤดูร้อน น้ำในคลอง ห้วย หนอง แห้งแล้ง ทำให้ปลาที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวเดือดร้อน ดังนั้นวันสงกรานต์จึงนิยมปล่อยปลาลงในแม่น้ำลำคลอง
ประเพณีของอำเภอชัยบาดาล มีจัดกันทั่วไปตามหมู่บ้านต่าง ๆ ลักษณะของงานนอกจากจะเป็นงานบุญแล้ว ยังเป็นงานที่คนหนุ่มคนสาวได้สนุกสนานเพราะมีการฟื้นฟู นำการละเล่นพื้นบ้านมาเล่น เช่น ชักเย่อ ลูกช่วง ฯลฯ การจัดงานที่หน้าที่ว่าการอำเภอชัยบาดาล เทศบาลตำบลลำนารายณ์ร่วมกับอำเภอและสภาวัฒนธรรมอำเภอ จัดงานสงกรานต์ขึ้นเป็นประจำทุกปี งานเริ่มตั้งแต่ตอนเช้าทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง ภาคบ่ายขบวนแห่นางสงกรานต์ของหน่วยงานและตำบลต่าง ๆ ประกวดนางสงกรานต์แต่งกายงามแบบไทย สรงน้ำพระ รดน้ำดำหัวขอพรผู้อาวุโส และการแสดงดนตรี

ประเพณีแห่เจ้าพ่อเจ้าแม่ (ปุนเท่าก๊ง ปุนเท่าม้า) ของคนไทยเชื้อสายจีนในเขตเทศบาลตำบลลำนารายณ์ เป็นงานประจำปีที่จะจัดขึ้นหลังจากวันตรุษจีนผ่านไปแล้ว 5 วันและจะมีขบวนแห่เจ้าพ่อเจ้าแม่ในวันที่ 6 หลังจากวันตรุษจีน ซึ่งจะตรงกับประมาณปลายเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี